1.
การบังคับใช้
1.1
ข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันจะนำมาใช้กับการจำหน่ายฟอยล์และการให้บริการ รวมทั้งการจัดหาบริการเกี่ยวกับชิ้นส่วนตกแต่งสำเร็จรูป (ต่อไปนี้เรียกว่า "สินค้าที่ส่งมอบ") ตามสัญญาซึ่งบริษัท เคิร์ซ (ประเทศไทย) จำกัด ("เคิร์ซ") ได้ตกลงทำไว้กับลูกค้าทางธุรกิจ ("ลูกค้า")
1.2
ข้อกำหนดและเงื่อนไขใด ๆ ซึ่งแตกต่างไปจากข้อกำหนดและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในที่นี้ไม่สามารถใช้บังคับได้ เว้นแต่เคิร์ซจะเห็นชอบด้วยเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดแจ้ง
1.3
ให้ถือว่าลูกค้ายอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขฉบับนี้ทั้งหมด
2.
คำเสนอขาย
2.1
รายละเอียดเกี่ยวกับคุณภาพของฟอยล์ที่ส่งมอบ ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้เป็นการเฉพาะในรายละเอียดทางเทคนิค
2.2
เคิร์ซสงวนสิทธิในความเป็นเจ้าของทั้งหมดและสิทธิใด ๆ ในทรัพย์สินทางปัญญา สำหรับภาพประกอบ ภาพวาด แผนผัง และเอกสารเกี่ยวกับการก่อสร้าง หรือเอกสารด้านวิศวกรรม และอื่น ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับคำเสนอขาย
2.3
ข้อเสนอของเคิร์ซมีผลผูกพันและจะคงอยู่เป็นระยะเวลา 45 วันตามปฏิทิน นับจากวันที่เสนอขาย
3.
เงื่อนไขในการส่งมอบ การโอนความเสี่ยง
3.1
ราคาต่าง ๆ ให้เป็นไปตามเงื่อนไข Ex Works ตามที่กำหนดไว้ใน Incoterms 2010 ("สถานที่ส่งมอบ") รวมทั้งการบรรจุหีบห่อ
3.2
ราคาสุทธิจะคำนวณเป็นเงินบาท รวมกับภาษีขายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่ส่งมอบ โดยไม่หักลดใดๆ
3.3
การส่งมอบสินค้าเป็นบางส่วนอย่างสมเหตุสมผลสามารถกระทำได้ตามความประสงค์ของลูกค้า
3.4
ความเสี่ยงจะโอนไปยังลูกค้า ณ สถานที่ส่งมอบ ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับกับกรณีส่งมอบสินค้าโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเช่นกันเมื่อได้มีการส่งมอบหรือรับมอบสินค้าแล้ว
4.
สิทธิของเคิร์ซในสินค้าที่ส่งมอบ
ในกรณีสินค้าที่ส่งมอบตามที่ได้ตกลงไว้ในสัญญาไม่มีอยู่เนื่องจากเคิร์ซยังไม่ได้รับมอบสินค้าจากซัพพลายเออร์ หรือสินค้าหมดสต็อก เคิร์ซสามารถส่งมอบสินค้าซึ่งมีคุณภาพและราคาเท่ากับที่ตกลงกันไว้ตามสัญญา หากเคิร์ซไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้ เคิร์ซสามารถบอกเลิกสัญญาซึ่งทำขึ้นระหว่างเคิร์ซและลูกค้าได้ ("สัญญา")
5.
เงื่อนไขการชำระเงิน
5.1
ลูกค้าจะต้องชำระเงินตามใบแจ้งหนี้ (invoice)โดยทันทีโดยไม่หักลดใด ๆ เว้นแต่จะได้มีการตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น
5.2
ลูกค้าสามารถหักกลบลบหนี้ได้เฉพาะในกรณีที่ไม่มีข้อโต้แย้ง หรือได้มีคำวินิจฉัยถึงที่สุดซึ่งมีผลผูกพันตามกฎหมาย
6.
วันส่งมอบ
6.1
การปฏิบัติตามข้อกำหนดเกี่ยวกับระยะเวลาการส่งมอบจะขึ้นอยู่กับการได้รับเอกสารต่าง ๆ ในเวลาที่เหมาะสม การอนุญาตและการอนุมัติที่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนงานต่าง ๆ ที่ลูกค้าได้จัดหาให้ รวมทั้งการปฏิบัติตามเงื่อนไขในการชำระเงินและภาระผูกพันอื่น ๆ ของลูกค้าให้สำเร็จลุล่วง ทั้งนี้ ระยะเวลาในการส่งมอบอาจขยายออกไปได้ เว้นแต่การปฏิบัติตามเงื่อนไขต่าง ๆ ได้สำเร็จลุล่วงไปแล้วตามเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดนี้จะไม่มีผลใช้บังคับหากเคิร์ซต้องรับผิดชอบในกรณีการส่งมอบสินค้าล่าช้า
6.2
ในกรณีที่ไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ตามเวลาที่กำหนด อันเนื่องมาจากเหตุสุดวิสัย เช่น การเคลื่อนกำลังพล สงคราม จลาจล หรือเหตุการณ์อื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน อาทิเช่น การหยุดงานประท้วง หรือการปิดงาน ระยะเวลาการส่งมอบสามารถขยายออกไปได้ตามความเหมาะสม
6.3
ในกรณีที่เคิร์ซต้องรับผิดชอบในการส่งมอบล่าช้าและลูกค้ามีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่า ลูกค้าได้รับความเสียหายจากความล่าช้าดังกล่าว ลูกค้าอาจเรียกร้องค่าเสียหายได้ตามที่ตกลงกันไว้ในอัตรา 0.5% ในทุก ๆ สิ้นสุดสัปดาห์ที่ล่าช้านั้น แต่ทั้งนี้ค่าเสียหายดังกล่าวรวมกันทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 5% ของราคาสุทธิของสินค้าที่ส่งมอบล่าช้าและลูกค้าไม่สามารถใช้สินค้าได้ตามที่ต้องการ
6.4
ลูกค้าไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายอันเนื่องมาจากความล่าช้าของสินค้าที่ส่งมอบและค่าเสียหายจากการไม่ปฏิบัติตามสัญญาในอัตราที่เกินกว่าที่กำหนดไว้ในข้อ 6.3 ในทุก ๆ กรณี และแม้ว่าระยะเวลาในการส่งมอบตามที่ลูกค้ากำหนดได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ข้อกำหนดนี้จะไม่ใช้บังคับในกรณีของการกระทำผิดโดยเจตนา หรือการกระทำโดยประมาท หรือการกระทำอันอันเป็นอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งจะต้องรับผิดตามกฎหมาย
6.5
ลูกค้ามีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้เฉพาะในกรณีที่เคิร์ซต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวอันเนื่องมาจากความล่าช้าในการส่งมอบสินค้าและโดยที่ลูกค้าได้มีการกำหนดระยะเวลาจำกัดในการส่งมอบสินค้าและมีการระบุว่าจะไม่ยอมรับการส่งมอบสินค้าหากพ้นกำหนดระยะเวลาจำกัดดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ดี ข้อกำหนดนี้ไม่ได้มีความหมายเป็นนัยถึงการเปลี่ยนแปลงภาระการพิสูจน์อันจะเป็นผลเสียหายต่อลูกค้า
6.6
เมื่อได้มีการร้องขอภายในระยะเวลาจำกัดที่เหมาะสม ลูกค้าจะต้องระบุว่าลูกค้าต้องการจะบอกเลิกสัญญาอันเนื่องมาจากสินค้าส่งมอบล่าช้าหรือลูกค้ายังคงยืนยันการส่งมอบสินค้านั้น
7.
การยึดหน่วงกรรมสิทธิ์
7.1
กรรมสิทธิ์ในสินค้าที่ส่งมอบ ("สินค้าอันเป็นหลักประกัน") จะยังคงเป็นของเคิร์ซจนกว่าสิทธิเรียกร้องใด ๆ ของเคิร์ซที่มีต่อลูกค้าภายใต้ธุรกรรมนี้จะได้รับการชำระหนี้เป็นอันเสร็จสิ้น ในกรณีที่มูลค่าของผลประโยชน์อันเป็นหลักประกันที่เคิร์ซมีต่อลูกค้าสูงกว่าสิทธิเรียกร้องตามหลักประกันของเคิร์ซมากกว่า 20% เคิร์ซจะสละสิทธิ์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเรียกร้องตามหลักประกันตามที่ลูกค้าร้องขอ
7.2
ในระหว่างที่การยึดหน่วงกรรมสิทธิ์มีผลใช้บังคับ ห้ามมิให้ลูกค้านำสินค้าอันเป็นหลักประกันนั้นไปจำนำหรือนำไปใช้เพื่อเป็นหลักประกันได้ ในกรณีที่มีการยึดสินค้าอันเป็นหลักประกันหรือมีการดำเนินการอื่นๆ หรือการแทรกแซงอื่น ๆ โดยบุคคลที่สามซึ่งเกี่ยวข้องกับสินค้าอันเป็นหลักประกันนั้น เคิร์ซจะแจ้งให้ลูกค้าทราบเป็นลายลักษณ์อักษรโดยทันที
7.3
ลูกค้าสามารถขายต่อสินค้าอันเป็นหลักประกันโดยวิธีการดำเนินการค้าในทางปกติให้แก่ลูกค้าของตนได้ ทั้งนี้โดยมีเงื่อนไขว่าลูกค้าได้รับชำระเงินจากลูกค้าของตนหรือได้มีการยึดหน่วงกรรมสิทธิ์ไว้ เพื่อที่กรรมสิทธิ์ในสินค้าอันเป็นหลักประกันนั้นจะได้โอนไปยังลูกค้าของตนต่อเมื่อลูกค้านั้นได้ชำระเงินโดยเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว
7.4
กรรมสิทธิ์ของเคิร์ซในสินค้าอันเป็นหลักประกันไม่อาจเพิกถอนได้ในระหว่างที่มีการดำเนินการและมีการใช้สินค้าอันเป็นหลักประกันดังกล่าวในการผลิตสินค้า ณ สถานที่ของลูกค้า ("ผลิตภัณฑ์สุดท้าย") ทั้งนี้ กรรมสิทธิ์ของเคิร์ซในสินค้าอันเป็นหลักประกันจะยังคงมีอยู่ไปจนถึงผลิตภัณฑ์สุดท้ายนั้น โดยเคิร์ซจะมีกรรมสิทธิ์ร่วมในผลิตภัณฑ์สุดท้ายนั้นในสัดส่วนเดียวกันกับมูลค่าของสินค้าอันเป็นหลักประกันต่อมูลค่าผลิตภัณฑ์สุดท้ายนั้น
7.5
เมื่อได้มีการทำสัญญา ลูกค้าจะโอนสิทธิเรียกร้องที่ลูกค้ามีอยู่ต่อลูกค้าของตนในการขายต่อหรือการดำเนินการใด ๆ กับสินค้าอันเป็นหลักประกันในจำนวนเท่ากับที่เคิร์ซมีสิทธิเรียกร้องต่อลูกค้าในสินค้าที่ส่งมอบได้ ทั้งนี้หน้าที่ของเคิร์ซในการสละสิทธิ์ตามที่กำหนดไว้ในข้อ 7.1 ให้ยังคงมีผลอยู่ต่อไป
7.6
ในกรณีที่ลูกค้ากระทำผิดหน้าที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผิดนัดชำระหนี้ ให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้:
7.6.1
เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างเหมาะสมให้ลูกค้าแก้ไขการกระทำผิดหน้าที่ดังกล่าวนั้น เคิร์ซมีสิทธิในการบอกเลิกสัญญาและนำสินค้าอันเป็นหลักประกันดังกล่าวกลับคืนได้ โดยลูกค้ามีหน้าที่ต้องคืนสินค้าอันเป็นหลักประกันดังกล่าวนั้นให้แก่เคิร์ซ ทั้งนี้ บทบัญญัติตามกฎหมายซึ่งเกี่ยวข้องกับการกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดจะไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด
7.6.2
ในการบังคับใช้สิทธิในการยึดหน่วงกรรมสิทธิ์ดังกล่าวและการนำสินค้าอันเป็นหลักประกันกลับคืน เคิร์ซไม่จำต้องบอกเลิกสัญญา ขณะเดียวกันการดำเนินการดังกล่าวข้างต้นหรือการยึดสินค้าอันเป็นหลักประกันก็ไม่มีผลให้เคิร์ซ บอกเลิกสัญญาได้ เว้นแต่เคิร์ซจะได้ระบุไว้อย่างชัดแจ้ง
8.
ความชำรุดบกพร่องของสินค้า
ความรับผิดชอบของเคิร์ซเกี่ยวกับความชำรุดบกพร่องของสินค้าให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ดังต่อไปนี้:
8.1
ภายใต้ข้อกำหนดที่ระบุไว้ในวรรคต่อไป รายละเอียดเกี่ยวกับคุณภาพของสินค้าฟอยล์ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในรายละเอียดทางเทคนิค ("รายละเอียดทางเทคนิค") ของฟอยล์แต่ละประเภท เคิร์ซจะไม่รับผิดชอบในความชำรุดบกพร่องของสินค้าซึ่งเกี่ยวข้องกับคุณภาพที่ไม่ได้ระบุไว้โดยเฉพาะในรายละเอียดทางเทคนิคดังกล่าว โดยลูกค้าจะต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวในการตรวจสอบความเหมาะสมของฟอยล์ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ทั้งนี้ เคิร์ซจะไม่รับผิดชอบในความชำรุดบกพร่องของสินค้าฟอยล์ซึ่งไม่ได้ใช้กับซับสเตรท (substrate) ภายในระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานที่สุด ตามที่กำหนดไว้ในรายละเอียดทางเทคนิคเกี่ยวกับฟอยล์ประเภทนั้น ๆ
8.2
ในกรณีสินค้าฟอยล์ที่ส่งมอบซึ่งมีคุณภาพไม่ตรงตามที่กำหนดไว้ในรายละเอียดทางเทคนิค ("ความชำรุดบกพร่องของสินค้า") ในเวลาที่มีการโอนความเสี่ยง เคิร์ซสามารถเลือกที่จะซ่อมแซมฟอยล์นั้นหรือส่งมอบฟอยล์ใหม่ให้แก่ลูกค้าโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายได้ ("การดำเนินการภายหลัง")
8.3
การดำเนินการภายหลังดังกล่าวในข้อ 8.4 ไม่ถือว่าเป็นการเริ่มต้นนับระยะเวลาใหม่
8.4
การเรียกร้องเกี่ยวกับความชำรุดบกพร่องของสินค้าที่เกิดขึ้นก่อนหรือในขณะส่งมอบจะสิ้นสุดลงภายในระยะเวลา 1 ปีนับแต่เวลาที่ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่อง ส่วนการเรียกร้องเกี่ยวกับความชำรุดบกพร่องของสินค้าที่เกิดขึ้นภายหลังการส่งมอบจะสิ้นสุดลงภายในระยะเวลา 12 เดือนนับจากเวลาส่งมอบ ข้อกำหนดนี้ถือเป็นเงื่อนไขบังคับก่อนของระยะเวลาการรับประกันสินค้าตามที่กำหนดไว้ในข้อ 8.4 นี้สำหรับฟอยล์ที่นำไปใช้กับซับสเตรท (substrate) ภายในระยะเวลาเก็บรักษาที่นานที่สุดตามที่กำหนดไว้ในรายละเอียดทางเทคนิคเกี่ยวกับฟอยล์
8.5
ลูกค้าต้องแจ้งให้เคิร์ซทราบเป็นหนังสือหรือลายลักษณ์อักษรโดยไม่ชักช้าเกี่ยวกับความชำรุดบกพร่อง โดยหนังสือแจ้งความชำรุดบกพร่องดังกล่าวต้องระบุรายละเอียดของระบบปิดผนึกที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ส่งมอบ (หมายเลขรุ่น แถบบาร์โค้ด) ทั้งนี้ เคิร์ซจะไม่รับผิดชอบในความชำรุดบกพร่องใด ๆ ในกรณีที่ลูกค้าไม่ได้แจ้งให้เคิร์ซทราบเป็นลายลักษณ์อักษรหรือมีการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรแต่ล่าช้าอย่างไม่เหมาะสม
8.6
ในกรณีที่เคิร์ซไม่ได้รับโอกาสและเวลาเพียงพอที่จะดำเนินการภายหลังได้ เคิร์ซไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า
8.7
ในกรณีที่เคิร์ซไม่สามารถดำเนินการภายหลังได้ ลูกค้าสามารถบอกเลิกสัญญาหรือลดค่าตอบแทนได้ โดยไม่เป็นการตัดสิทธิของลูกค้าที่จะเรียกร้องสำหรับความเสียหายอื่น ๆ (ข้อ 12)
8.8
ลูกค้าไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากความชำรุดบกพร่องของสินค้าได้ในกรณีที่คุณภาพของสินค้ามีความคลาดเคลื่อนไปจากที่ได้ตกลงกันไว้เล็กน้อย หรือมีเหตุขัดข้องเล็กน้อยในการใช้ หรือมีการสึกหรอตามธรรมชาติ หรือมีความเสียหายซึ่งเกิดขึ้นได้ตามปกติภายหลังจากการโอนความเสี่ยง อันเนื่องมาจากความบกพร่องหรือการจัดการอย่างหละหลวมหรือเคร่งครัดมากเกินไป หรือมีการใช้อุปกรณ์เครื่องมือหรือทรัพยากรในการผลิตที่ไม่เหมาะสม หรือมีผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่ไม่ได้กำหนดไว้ในสัญญา
8.9
ลูกค้าไม่สามารถเรียกร้องค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่าง ๆ อาทิเช่น ค่าเดินทาง ค่าขนส่ง ค่าแรงงาน และค่าวัสดุ ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการภายหลังอันเนื่องมาจากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเนื่องจากสินค้าที่ส่งมอบนั้นได้ส่งไปยังสถานที่อื่น ๆ ในภายหลังนอกเหนือจากสถานที่ส่งมอบตามที่กำหนดไว้
8.10
ลูกค้าจะมีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากเคิร์ซได้ในกรณีที่ลูกค้ายังไม่ได้มีการทำสัญญากับลูกค้าของตนเท่านั้นและเฉพาะในส่วนที่นอกเหนือไปจากการเรียกร้องค่าเสียหาย้เพื่อความชำรุดบกพร่องตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย
8.11
ลูกค้าไม่สามารถเรียกร้องจากเคิร์ซสำหรับความชำรุดบกพร่องของสินค้าที่ส่งมอบอันเนื่องมาจากการใช้หรือการเก็บรักษาอย่างไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม โดยที่ลูกค้าไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่ง วิธีใช้ คู่มือ คำแนะนำในการใช้หรือการเก็บรักษาสินค้าอย่างถูกต้องเหมาะสม รวมทั้งคำเตือนหรือข้อมูลอื่นใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ส่งมอบซึ่งเคิร์ซได้มีการแจ้งหรือจัดหาให้แก่ลูกค้าแล้ว
8.12
ลูกค้าไม่สามารถเรียกร้องจากเคิร์ซสำหรับความชำรุดบกพร่องของสินค้า ในกรณีที่การเรียกร้องดังกล่าวมีมูลค่ามากกว่าหรือแตกต่างไปจากการเรียกร้องตามที่กำหนดไว้ในข้อ 8 ทั้งนี้ ให้นำข้อ 12 มาใช้บังคับสำหรับการเรียกร้องค่าเสียหายในกรณีอื่น ๆ นั้น
8.13
ลูกค้าไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้เคิร์ซจ่ายเงินคืนค่าสินค้าหรือส่งเงินคืนตามราคา ในกรณีที่เคิร์ซไม่จำต้องรับผิดชอบต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า
9.
สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา ความบกพร่องอื่นๆ
9.1
เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น สินค้าที่ส่งมอบของเคิร์ซที่ได้ทำขึ้นในประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีจะไม่อยู่ภายใต้สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและลิขสิทธิ์ของบุคคลที่สาม ("สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา") ในกรณีที่บุคคลที่สามอ้างสิทธิ์ในการเรียกร้องตามกฎหมายต่อลูกค้าอันเนื่องมาจากการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาเกี่ยวกับสินค้าที่เคิร์ซได้ส่งมอบ และมีการใช้สินค้าตามสัญญา เคิร์ซจะรับผิดชอบต่อลูกค้าภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในข้อ 8.4 ดังต่อไปนี้:
9.1.1
เคิร์ซมีสิทธิในการใช้สินค้าที่ส่งมอบ หรือดัดแปลงสินค้าที่ส่งมอบนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา หรือจัดส่งสินค้าทดแทน โดยเคิร์ซเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ในกรณีที่เคิร์ซไม่สามารถยอมรับหรือดำเนินการดังกล่าวได้ ลูกค้ามีสิทธิในการบอกเลิกสัญญา หรือขอลดราคาสินค้า โดยให้นำข้อ 8.6 และข้อ 8.10 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
9.1.2
การปฏิบัติตามภาระผูกพันดังกล่าวข้างต้นให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ว่า ลูกค้าต้องแจ้งเป็นหนังสือหรือลายลักษณ์อักษรให้เคิร์ซทราบโดยทันทีเกี่ยวกับการเรียกร้องค่าเสียหายของบุคคลที่สามโดยที่ลูกค้าไม่ได้ทราบถึงการละเมิดสิทธิดังกล่าว และเคิร์ซสงวนสิทธิที่จะดำเนินมาตรการตอบโต้และการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงนั้น ทั้งนี้ ในกรณีที่ลูกค้าหยุดใช้สินค้าที่ส่งมอบเพื่อลดค่าเสียหายหรือเพี่อเหตุผลสำคัญอื่น ๆ ลูกค้าจะต้องแจ้งให้บุคคลที่สามนั้นทราบอย่างชัดแจ้งว่า การหยุดใช้สินค้าดังกล่าวไม่ได้หมายความถึงการรับรู้ถึงการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาดังกล่าวนั้น
9.2
ลูกค้าไม่สามารถเรียกร้องจากเคิร์ซได้ ในกรณีที่ลูกค้าต้องรับผิดต่อการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาเอง
9.3
ลูกค้าไม่สามารถเรียกร้องจากเคิร์ซได้ ในกรณีที่การละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาเกิดจากความต้องการโดยเฉพาะของลูกค้าเอง หรือการใช้สินค้าที่ส่งมอบซึ่งเคิร์ซไม่อาจเล็งเห็นได้ หรือลูกค้าได้มีการปรับเปลี่ยนสินค้าที่ส่งมอบ หรือลูกค้ามีการใช้สินค้าของเคิร์ซร่วมกับสินค้าอื่น ๆ ซึ่งเคิร์ซไม่ได้เป็นผู้จัดหา
9.4
ให้นำข้อ 8 มาใช้บังคับสำหรับความชำรุดบกพร่องของสินค้าในกรณีอื่น ๆ
9.5
ลูกค้าไม่สามารถเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากเคิร์ซในกรณีรอนสิทธิซึ่งมีมูลค่ามากกว่าหรือแตกต่างจากที่กำหนดไว้ในข้อ 9 ได้ ทั้งนี้ให้นำข้อ 12 มาใช้บังคับสำหรับการเรียกร้องค่าเสียหายอื่นในกรณีอื่น ๆ
10.
หน้าที่ของลูกค้า
ลูกค้าจะต้องรับผิดชอบในการใช้และการโอนแบบ โลโก้ เครื่องหมายการค้า ภาพสามมิติ เครื่องประทับตรา และสิ่งประดิษฐ์อื่น ๆ ที่ลูกค้าจัดหาให้แก่เคิร์ซ โดยไม่คำนึงถึงการจัดส่งข้อมูล ซึ่งละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลที่สาม โดยเคิร์ซจำไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ ต่อการเรียกร้องค่าเสียหายต่าง ๆ ของบุคคลที่สามนั้น
11.
การพ้นวิสัย การเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญา
11.1
ในกรณีที่เคิร์ซไม่อาจจัดทำสินค้าที่ส่งมอบได้ ลูกค้ามีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากเคิร์ซได้ เว้นแต่เป็นกรณีที่เคิร์ซไม่จำต้องรับผิดต่อการพ้นวิสัยดังกล่าวนั้น อย่างไรก็ตาม ลูกค้าสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ไม่เกิน 10% ของมูลค่าสินค้าที่ส่งมอบซึ่งไม่อาจจัดทำให้ลูกค้าใช้ได้ตามที่ต้องการ แต่ข้อกำหนดนี้จะไม่ใช้บังคับในกรณีการกระทำผิดโดยเจตนา หรือการกระทำโดยประมาท หรือการกระทำอันเป็นอันตรายต่อร่างกาย หรือการพ้นวิสัยในเบื้องต้น ซึ่งต้องรับผิดตามกฎหมาย ทั้งนี้ ข้อกำหนดนี้ไม่ได้มีความหมายเป็นนัยว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงภาระการพิสูจน์ซึ่งจะเป็นผลเสียหายต่อลูกค้า โดยสิทธิของลูกค้าในการบอกเลิกสัญญายังคงไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
11.2
ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัยอันไม่อาจเล็งเห็นได้ (ข้อ 6.2) ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทางการเงิน หรือการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าที่ส่งมอบ หรือส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อธุรกิจของเคิร์ซ สัญญาฉบับนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมภายใต้หลักสุจริต ในกรณีที่ไม่ใช่เหตุในทางการเงิน เคิร์ซมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ทั้งนี้ หากเคิร์ซใช้สิทธิในการบอกเลิกสัญญา เคิร์ซจะแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้ลูกค้าทราบโดยทันทีภายหลังจากที่เคิร์ซได้ทราบถึงนัยสำคัญของเหตุดังกล่าวแล้ว ถึงแม้ลูกค้าได้เห็นชอบกับการขยายระยะเวลาส่งมอบในเบื้องต้นแล้วก็ตาม
12.
การเรียกร้องค่าเสียหายในกรณีอื่นๆ
12.1.1
ลูกค้าไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายอันเกิดจากความสัมพันธ์ตามหน้าที่หรือเกิดจาการละเมิดหรือไม่ก็ตาม
12.1.2
เคิร์ซจะจัดหาคู่มือและคำแนะนำให้แก่ลูกค้าโดยสุจริตและโดยไม่จำต้องรับผิดใด ๆ ต่อลูกค้า ทั้งนี้ ลูกค้ายังคงมีหน้าที่และความรับผิดแต่เพียงผู้เดียวในการตรวจสอบการใช้ฟอยล์ตามวัตถุประสงค์ของตน ข้อกำหนดนี้จะใช้บังคับแม้ว่าเคิร์ซจะได้ทราบถึงการใช้สินค้าของลูกค้า
12.1.3
ข้อ 12.1.1 และข้อ 12.1.2 ข้างต้นจะไม่นำมาใช้บังคับ ในกรณีที่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติว่าด้วยความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย หรือในกรณีการกระทำผิดโดยเจตนา หรือการกระทำโดยประมาท หรือการเกิดอันตรายต่อร่างกาย หรือกระทำผิดภาระหน้าที่อันสำคัญตามที่กำหนดไว้ในสัญญา ซึ่งมีผลผูกพันให้ต้องรับผิดตามกฎหมาย
12.1.4
ความรับผิดของเคิร์ซต่อความเสียหายที่เกิดจากการไม่ปฏิบัติการชำระหนี้ในข้อสาระสำคัญของสัญญาจะจำกัดเพียงความเสียหายที่สามารถเล็งเห็นได้โดยปกติในทางสัญญาเท่านั้น เว้นแต่ในกรณีการกระทำผิดโดยเจตนา หรือการกระทำโดยประมาท หรือการกระทำอันเป็นอันตรายต่อร่างกาย
12.2
ตราบเท่าที่เคิร์ซไม่ต้องรับผิดชอบ หรือรับผิดชอบอย่างจำกัดตามที่กำหนดไว้ในข้อ 12 ให้นำข้อกำหนดนี้มาใช้บังคับสำหรับความรับผิดส่วนตัวของลูกจ้าง บุคลากร พนักงาน และตัวแทนอื่น ๆ ของเคิร์ซ อย่างไรก็ดี ข้อกำหนดนี้จะไม่ใช้บังคับกับตัวแทนของเคิร์ซที่ได้รับมอบอำนาจตามกฎหมายและผู้บริหารอาวุโสของเคิร์ซ
12.3
ในกรณีที่ลูกค้ามีสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายจากความชำรุดบกพร่องของสินค้าตามที่กำหนดไว้ในข้อ 12 ข้อกำหนดนี้จะไม่มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามที่ระบุไว้ในข้อ 8.4 อย่างไรก็ดี ในกรณีที่มีการเรียกร้องค่าเสียหายอันเนื่องมาจากการกระทำผิดโดยเจตนา และความเสียหายที่เกิดขึ้นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติว่าด้วยความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย ให้นำข้อกำหนดเกี่ยวกับอายุความตามกฎหมายมาใช้บังคับ
12.4
บทบัญญัติในข้อ 12 นี้จะไม่กระทบต่อภาระการพิสูจน์แต่อย่างใด
13.
การรักษาความลับ
13.1
หากไม่ได้รับการยินยอมเป็นหนังสือจากคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายไม่สามารถส่งต่อเอกสาร ความรู้และข้อมูล เครื่องมือ แม่พิมพ์ ตัวอย่าง แบบจำลอง ประวัติ ภาพวาด ข้อมูลมาตรฐาน ต้นฉบับ และเอกสารด้านเทคนิคอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่อข้อมูลหรือไม่ก็ตาม ("ข้อมูล") ให้แก่บุคคลที่สาม หรือใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในสัญญา อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดนี้จะไม่ใช้บังคับกับข้อมูลอันเป็นที่รับรู้กันอยู่โดยทั่วไปหรือเป็นที่รับรู้อยู่ก่อนแล้วโดยฝ่ายรับข้อมูลซึ่งไม่มีหน้าที่ในการรักษาความลับของข้อมูลดังกล่าว ในเวลาที่ได้รับข้อมูลนั้น ซึ่งได้รับมาจากบุคคลที่สาม หรือเป็นข้อมูลที่พัฒนาโดยฝ่ายรับข้อมูลนั้น
13.2
ลูกค้าต้องส่งคืนข้อมูลให้แก่เคิร์ซโดยไม่ชักช้าในกรณีที่ไม่มีการตกลงทำสัญญา โดยลูกค้าไม่สามารถยึดหน่วงกรรมสิทธิ์เอาไว้ได้
13.3
หน้าที่ในการรักษาความลับดังกล่าวจะยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป ไม่ว่าหลังจากการส่งมอบสินค้า หรือหลังจากมีการบอกเลิกสัญญาแล้ว
14.
เขตอำนาจศาล
เขตอำนาจศาลรวมทั้งที่เกี่ยวเนื่องกับเช็คและตั๋วเงินจะอยู่ที่ประเทศไทยเท่านั้น
15.
กฎหมายที่ใช้บังคับ
ข้อกำหนดและเงื่อนไขนี้จะอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายประเทศไทยเท่านั้น โดยจะไม่อยู่ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยสัญญาซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศฉบับวันที่ 11 เมษายน 2523